โรคปริทันต์ มันคืออะไร?

โรคปริทันต์เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของอวัยวะปริทันต์ ซึ่งสามารถจำแนกตามระดับความรุนแรงของโรคได้ ดังนี้

‘โรคเหงือกอักเสบ’ คือมีอาการเฉพาะส่วนเหงือก และหายได้เมื่อเอาสาเหตุของโรคออกไป

‘โรคปริทันต์อักเสบ’ คือระยะต่อเนื่องของโรคเหงือกอักเสบ โดยกระดูกเบ้าฟันและเอ็นยึดปริทันต์จะเริ่มถูกทำลายร่วมด้วย

ทั้งนี้แม้จะเอาสาเหตุของโรคออกไป แต่อวัยวะส่วนที่ถูกทำลายไปแล้วก็จะไม่สามารถกลับคืนมาเหมือนเดิมได้
(นั่นคือถูกทำลายถาวร หรืออาจพอสร้างคืนกลับมาได้บ้าง แต่ไม่เท่าเดิม)

สาเหตุของโรคปริทันต์ที่สำคัญมาจาก
การโจมตีของเชื้อโรคบนแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่เกาะบนผิวฟัน (โดยเฉพาะบริเวณคอฟัน) แผ่นคราบนี้เกิดจากการที่เมือกใสในน้ำลายมาเกาะที่ผิวฟัน แล้วเชื้อโรคในช่องปากจึงมาเกาะทับถมตามกันเข้าไป

แผ่นคราบจุลินทรีย์เกิดขึ้นในช่องปากได้ตลอดเวลา โดยในระยะเริ่มแรกจะนิ่มและยังเกาะกับผิวฟันได้ไม่แน่น (ซึ่งเราสามารถกำจัดออกได้โดยง่ายด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน)… แต่หากเราปล่อยทิ้งไว้ในช่องปากนาน ๆ แร่ธาตุในน้ำลาย (โดยเฉพาะแคลเซียม) จะมาร่วมวงกับแผ่นคราบจุลินทรีย์นี้ ทำให้แผ่นคราบแข็งขึ้น เกาะกับผิวฟันแน่นขึ้น และกลายสภาพเป็นหินปูนไปในที่สุด 

ตามปกติแล้ว แผ่นคราบจุลินทรีย์จะเริ่มกลายร่างเป็นหินปูนได้ภายใน 24 ชม. และจะแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวอยู่ในช่องปาก (ไม่ถูกกำจัดออก หรือถูกกำจัดออกไม่หมด) 

แต่ทว่า … เชื้อโรคพวกนี้จะเกาะอยู่เฉย ๆ ก็กลัวจะถูกกล่าวหาว่าอยู่บ้านท่านแล้วนิ่งดูดาย มันจึงปล่อยกรดที่ทำให้ฟันผุ และสารพิษที่ทำลายอวัยวะปริทันต์ต่าง ๆ ออกมาให้เป็นของแถมแทน (เอ่อ! ถ้าน้องเชื้อโรคจะปล่อยสารพวกนี้ พี่ว่า … บางทีน้องเกาะอยู่บนฟันเฉย ๆ ก็น่าจะดีกว่านะ)

สัญญาณของการเกิดโรคปริทันต์มีมากมาย แต่ที่หลัก ๆ ก็เช่น การมีเลือดออกขณะแปรงฟัน เหงือกบวมแดง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น ฟันโยก รวมไปถึงการมีหนองปริทันต์ (หนองที่มาจากเหงือก) เป็นต้น ซึ่งใครที่มีสัญญาณเหล่านี้ก็ควรรีบนัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คและรับการรักษาด่วนจี๋เลยค่ะ

แต่ถ้าใครไม่อยากเป็นโรคปริทันต์แล้วหล่ะก็ ฟันดีดี แนะนำว่า ให้แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งนะคะ แล้วเชื้อโรคพวกนี้จะไม่มีโอกาสมาสร้างอาณาจักร (ชั่วร้าย) เพื่อปล่อยกรดและสารพิษมาทำร้ายฟันและอวัยวะปริทันต์ของเราได้ค่ะ